วานนี้ (2 เม.ย.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC จัดสัมมนา Japan- China workshop on Business Cooperation in Thailand โดยมีนักธุรกิจญี่ปุ่นและจีนเข้าร่วมกว่า 260 บริษัท นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ EEC ระบุว่า นักลงทุนญี่ปุ่นและจีนได้จับมือร่วมกัน ในการลงทุนประเทศที่ 3 ซึ่งพื้นที่ EEC ของไทยเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งนัก
ลงทุนกลุ่มนี้สนใจลงทุน 3 สาขาหลักคือ สาขาขนส่งและโลจิสติกส์ สาขาพลังงานและสิ่งแวดล้อม และสาขาเมืองอัจฉริยะ ล่าสุดได้เข้าไปมีส่วนร่วมโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญคือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City ซึ่งทาง EEC เตรียมที่จะจัดตั้งหน่วยดูแลนักลงทุนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
เลขาธิการ EEC ยังระบุด้วยว่า หลังการเลือกตั้ง โครงการ EEC จะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีกฎหมายที่กำกับดูแลโดยเฉพาะ ดังนั้น ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่า จะต้องเดินหน้านโยบาย EEC ให้เกิดความต่อเนื่อง พร้อมยืนยันว่า โครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 5 โครงการ จะสามารถได้ตัวเอกชนผู้ดำเนินโครงการภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้
ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการ ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เมืองการบินภาคตะวันออก ศูนย์ซ่อมอากาศยานสนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 และ ท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3
ด้านนายมาซากิ อิชิกาว่า อธิบดีสำนักความร่วมมือ การค้าและเศรษฐกิจ กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น หรือ เมติ กล่าวว่า แม้ผลการเลือกตั้งของไทยจะยังไม่ชัดเจน และต้องรอการจัดตั้งรัฐบาล แต่ความสัมพันธ์อันดีของนักลงทุนญี่ปุ่นกับไทย มีมาอย่างยาวนาน และญี่ปุ่นลงทุนในไทยเป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด เชื่อว่า นักลงทุนญี่ปุ่นยังคงลงทุนในไทยต่อไป ทั้งนี้ การเลือกไทยเป็นประเทศแรกในการร่วมลงทุนระหว่างจีนและญี่ปุ่น เพราะสำนักงาน EEC ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี รวมทั้ง เห็นถึงศักยภาพในพื้นที่ EEC
แหล่งข่าว : ช่อง16 TNN https://www.tnnthailand.com/content/15408